NEWS 4 December 2020 | By ณรงค์ รู้จำ

Sportscar Together Day

กิจกรรม Sportscar Together Day (SCTD) ใจกลางกรุงเทพมหานคร นับเป็นการเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 70 ปีของปอร์เช่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยการรวมตัวของรถสปอร์ตสมรรถนะสูง

Sportscar Together Day ปอร์เช่ฉลองครบรอบ 70 ปีอย่างยิ่งใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ

ประเทศไทย. กิจกรรม Sportscar Together Day (SCTD) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ณ ใจกลางกรุงเทพมหานคร นับเป็นการเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 70 ปีของปอร์เช่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยการรวมตัวของรถสปอร์ตสมรรถนะสูง ศิลปินดาราผู้มีชื่อเสียง กิจกรรมประลองความเร็วและการแข่งขันรถยนต์ พร้อมความบันเทิงสำหรับผู้หลงใหลในยนตรกรรมสัญชาติเยอรมัน รวมไปถึงเพื่อนพ้องและทุกคนในครอบครัว

เหล่าบรรดาผู้หลงใหลในยนตรกรรมสปอร์ตปอร์เช่นับพันและรถยนต์ปอร์เช่กว่า 300 คันได้เดินทางเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองครั้งนี้ ณ Oasis Arena Show DC และในขณะเดียวกันยังมีการแข่งขัน Porsche Carrera Cup Asia (PCCA) ในรุ่น 911 จีที3 คัพ (911 GT3 Cup) ซึ่งจัดขึ้น ณ Bangsean Street Circuit จังหวัดชลบุรี ในบรรยากาศริมชายทะเลอีกด้วย 

เป็นเวลา 70 ปี ที่รถสปอร์ตคันแรกภายใต้แบรนด์ปอร์เช่ ถือกำเนิดขึ้นในปี 1948 ด้วยรถปอร์เช่ 356 “No. 1” ปอร์เช่ได้เฉลิมฉลองประวัติศาสตร์อันยาวนานไปพร้อมๆ กับการก้าวไปสู่อนาคตด้วยการเผยโฉมรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบคันแรก ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) ปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิก รับหน้าที่บันดาลความฝันให้เป็นความจริง ส่งตรงสุดยอดยนตรกรรมจากเมือง Zuffenhausen ประเทศเยอรมนี ซึ่งสนับสนุนโดย พิพิธภัณฑ์ปอร์เช่ (Porsche Museum) ไม่ว่าจะเป็น
ปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ (Porsche 918 Spyder) รถสปอร์ตปลั๊ก-อิน ไฮบริด พลังแรงติดตั้งเครื่องยนต์วางกลาง ซึ่งรถคันดังกล่าวเคยทำลายสถิติเวลาต่อรอบต่ำกว่า 7 นาที บนสนาม Nürburging โดยเป็นคันเดียวกันกับที่ Jacky Ickx ขึ้นขับโชว์สาธารณชนก่อนเริ่มการแข่งขัน PCCA ณ ริมชายหาดบางแสนโดย Porsche Museum ยังได้ส่งรถแข่งแรลลี่ Paris-Dakar ระดับตำนาน ปอร์เช่ 959 ตัวแทนของรถสนามที่แสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมเทคโนโลยีล้ำสมัยที่อัดแน่นอยู่ในรถแข่ง ผู้สามารถคว้าชัยชนะในรายการแข่งขันแรลลี่ที่ได้ชื่อว่าทรหดที่สุดในโลก บุกตะลุยผ่านเส้นทางทะเลทรายทุรกันดารทุกรูปแบบเป็นระยะทางกว่า 13,800 กิโลเมตร จนกระทั่งจบการแข่งขันด้วยตำแหน่งแชมป์อันดับหนึ่งและอันดับสองในปี 1986 มาจัดแสดงภายในงานนี้

ร่วมด้วยทริปการเดินทางทั่วโลกเพื่ออำลาการแข่งขันของรถปอร์เช่ 919 ไฮบริด (Porsche 919 Hybrid) ที่เป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองในกรุงเทพมหานครนี้ อีกทั้งเป็นการกลับมาพบกันอีกครั้งของสุดยอดรถและสุดยอดนักแข่งสังกัดทีมโรงงานปอร์เช่ Earl Bamber เจ้าของตำแหน่งชนะเลิศในรายการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ World Endurance Championship (WEC) จากการคว้าแชมป์ 4 สนามและอีก 5 โพเดียม ในฤดูกาล 2017 ซึ่งรถคันนี้ได้ปรากฎโฉมเพื่อสร้างสีสันให้แก่เหล่าคนรักรถ ณ ริมชายหาดบางแสนเช่นเดียวกัน

Arthur Willmann กรรมการผู้จัดการ ของปอร์เช่ เอเชีย แปซิฟิก กล่าวว่า “กิจกรรม Sportscar Together Day ทำให้เกิดการรวมตัวกัน ของบรรดาผู้หลงใหลในยนตรกรรมสปอร์ตจากปอร์เช่ รวมไปถึงมิตรสหายและบุคคลในครอบครัวของพวกเขา ปี 2018 จะเป็นปีที่ถูกจารึกว่า ปอร์เช่ ในฐานะบริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตระดับชั้นนำของโลก ได้ก้าวเข้าสู่วาระครบรอบ 70 ปี เราทุกคนต้องการเฉลิมฉลองและกล่าวขานถึงเกียรติศักดิ์ที่สั่งสมมายาวนานของพวกเราให้ตราตรึงในความทรงจำ ไม่ลืมเลือนถึงที่มาอันเป็นจุดกำเนิด ผลงานความสำเร็จนานับประการที่เราได้รับ และอนาคตข้างหน้าที่กำลังรอคอยเราอยู่ Das Traffen เป็นบทพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นถึงความชื่นชมที่คนไทยมีให้กับรถยนต์ปอร์เช่ แน่นอนว่าเราจะต้องตอบสนองต่อจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความรักของพวกเขาด้วยการจัดกิจกรรมที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน ณ ที่แห่งนี้ กรุงเทพมหานคร”

เขากล่าวเสริมต่อไปอีกว่า “ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งและมีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้ เห็นได้ชัดจากการเปิดโชว์รูม Porsche ถึง 3 แห่งโดยบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด (AAS Auto Service) และผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้แถลงข่าวการเปิดตัวของโชว์รูมแห่งที่ 4 ของประเทศไทยซึ่งจะเป็น Porsche Studio ณ ศูนย์การค้า Icon Siam ซึ่งเป็นสถานที่ที่ทุกท่านจะได้สัมผัสกับยนตรกรรมปอร์เช่อย่างใกล้ชิดในช่วงปลายปีนี้”

เกี่ยวกับ AAS Auto Service

ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 12 คน ซึ่งถือว่ามีจำนวนมากที่สุดของศูนย์รถยนต์ปอร์เช่ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 12 ประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญในเรื่องการให้บริการหลังการขาย โดย เอเอเอส ทุ่มงบการอบรมวิศวกรของเราให้มีคุณภาพสูงสุดตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า AAS The Name you can Trust ซึ่งพิสูจน์ให้ท่านได้เห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินงานมากกว่า 30 ปี


RELATE ARTICLE

STAR OF BOMBAY
Champagne Billecart-Salmon
American Inspired chef Project
เชฟเอียนเสิร์ฟเมนูอาหารไทยขึ้นเครื่องกาตาร์แอร์เวย์ส