PRIME restaurant

สมัยก่อนเวลาจะทานสเต็กต้องถือเป็นมื้อสำคัญ เพราะทั้งราคาและหาร้านที่ทำได้ดีไม่ง่ายนัก Steakhouse ในโรงแรมจึงเป็นทางเลือกแรกๆ ด้วยความน่าเชื่อถือในระดับพรีเมี่ยม จนพักหลังถูกร้านสเต็กอิสระมาทาบรัศมี ทั้งคนรุ่นใหม่ก็มีความรู้ความเข้าใจเรื่องเนื้อมากขึ้น แต่ร้านสเต็กในโรงแรมก็ไม่ถึงกับเหงาหงอยหากแต่ยังคงมีกลุ่มลูกค้าของตัวเองรันธุรกิจต่อไปได้

ห้อง Prime โรงแรม Millennium Hilton Bangkok ได้รับการยอมรับว่าเป็นร้านสเต็กในโรงแรมอันดับต้นๆ ของประเทศ ซึ่งถ้าอยากกินสเต็กแบบได้บรรยากาศโรแมนติกไปด้วย ที่นี่ถือว่ากินขาดด้วยวิวริมน้ำเจ้าพระยามีเรือสำราญล่องมาให้ชมยามค่ำคืน ล่าสุดมีเพื่อนบ้านใหม่มาแบบบิ๊กบึ้ม Iconsiam ที่เป็นทั้งคู่ค้าและคู่แข่ง เพราะแม้จะมีกลุ่มเป้าหมายมาละแวกนี้มากขึ้น แต่ห้างสุดหรูก็มีร้านอาหารเพียบด้วยเช่นกัน จึงแว่วมาว่าทางโรงแรมก็จะมีการปรับตัวอย่างยกใหญ่ด้วยเช่นกัน โดยช่วง 1 ปีมานี้ทางโรงแรมได้ Executive chef คนใหม่ Shaiful Kassim สัญชาติมาเลเซีย ผ่านงานระดับโรงแรมห้าดาวมานับสิบประเทศ เคยร่วมงานกับห้องอาหารและเชฟระดับมิชลินมาแล้วนับไม่ถ้วนมายกเครื่องเรื่องอาหารการกิน  

ความพิเศษของห้อง Prime เห็นจะเป็นครัวเปิดที่สามารถมองเห็นเชฟกำลังย่างสเต็กในเตาไฟที่ออกแบบเป็นพิเศษและกลายเป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่ เตาที่เอ่ยถึงรูปร่างคล้ายเตาอบพิซซ่า และใช้ฟืนสำหรับย่างเนื้อ ซึ่งต้องอาศัยทักษะไม่น้อย เวลาย่างจะต้องเผาฟืนจนมอดกลายเป็นถ่านไฟแดงๆ ก่อน หลังจากโรยเกลือพริกไทยชโลมด้วยน้ำมันมะกอกแล้วเมื่อจะย่างเนื้อก็จะนำไปจี่โดยวางบนตะแกรงเหล็กให้ได้ลายสวยทั้งสองด้าน จากนั้นค่อยวางเนื้อลงบนถาดอบ ในถาดรองไว้ด้วยมันฝรั่งหั่นแว่น เพื่อไม่ให้เนื้อสัมผัสถูกความร้อนจากถาดโดยตรง ข้างบนยังมีเนยอย่างดีโปะไว้ให้ละลายเป็นทั้งการเคลือบชิ้นเนื้อไม่ให้แห้งและให้สีสวย เมื่อได้ความสุกระดับที่ต้องการ เอาเนื้ออกมาพักใกล้ๆ เตาเพื่อให้เลือดไหลกระชับกักความฉ่ำของเนื้อไว้ จบด้วยขั้นตอน smoke ซึ่งก็ถือเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่อีกอย่างหนึ่งคือใช้กลิ่นช่วยเพิ่มอโรม่าของเนื้อด้วยกลิ่นฟืนจากชิ้นไม้เล็กๆ หรือ wood chips ที่เอาไม้ฮิกโครี่ (Hickory Woods) กับไม้โอ้คที่บ่มไวน์ (Oak Aging Barrels Woods) แล้วค่อยเอาชิ้นไม้ไปแช่ในไวน์หรือเหล้าที่มีให้เลือก 4 อย่างคือ ไวน์แดง วิสกี้ Jack Daniel Belgium beer หรือ ไวน์ขาว Chardonnay โดยในเตาอบนั้นจะมีระบบดูดควันอยู่ ช่วยตลบให้อบอวลลอยท่วมชิ้นเนื้อโดยตรง ซึ่งระบบเตาและการ Cook สเต็กของที่นี่ออกแบบโดยเชฟดีกรีระดับแชมป์โลกบาร์บีคิวเลยทีเดียว

หลายคนคงคุ้นเคยกับเมนูเด่นของที่นี่แล้วทั้ง ขนมปังอบมาร้อนๆ หรือ ซีซ่าร์สลัด ที่ปรุงสดใหม่ใกล้โต๊ะ หรือเนื้อ Tomahawk ชิ้นเขื่องจากฟาร์มชั้นนำของออสเตรเลียย่างออกมาระดับ Medium rare เป๊ะ แต่วันนี้ Raw ได้เจอเชฟใหญ่ที่ผ่านครัวระดับ 3 ดาวมิชลินมาหลายแห่งทั้งที  จึงขอให้เชฟช่วยปรุงเมนูซิกเนเจอร์แนวของเชฟให้ชมให้ชิมเป็นพิเศษเสียหน่อย ซึ่งแม้จะไม่ได้เตรียมตัวมาล่วงหน้าเพราะต้องการเน้นคอนเซ็ปท์ของห้อง Prime  แต่เชฟก็เข้าใจและพร้อมจัดให้ 

หลังจากขอตัวไปในครัวไม่นานก็ออกมาพร้อมเมนูสวยงามจานแรกกับ Scallop carpaccio หอยเชลล์สดจากฮอกไกโดสไลด์บาง มะม่วงดิบหั่นเต๋า แคนเบอร์รี่แห้ง คาร์เวียร์ ไมโครกรีน มีซอส sherry vinegar มะนาว น้ำมันมะกอก เป็นตัวเชื่อมโยงความสดชื่นจากรสของวัตถุดิบต่างๆ โดยรวมรสบางเบาบาลานซ์ดี

อีกจานเป็น Dry age wagyu striploin steak จากฟาร์มชั้นนำของออสเตรเลีย บ่มอย่างน้อย 6 สัปดาห์ ย่างด้วยไม้ยูคาลิปตัส จนสุกแบบ medium rare ชิ้นเนื้อสีเข้มเห็นไขมันแทรกตามเนื้อบางเบาเนื่องจากบ่มมาพักใหญ่  รสชาติเนื้อหนักแน่นเข้มข้น เพียงกินกับเครื่องเคียงต่างๆ ก็ได้หลากรส ครีมแก่นตะวัน พาเมนซานโฟม เห็ดเมอเรล แครอท มันฝรั่ง และผักแนมเล็กน้อย เป็นจานกึ่งคลาสสิกที่สมบูรณ์ทั้งตัวเนื้อและส่วนประกอบ 

เห็นแบบนี้แล้ว เลยออกไอเดียลุ้นให้เชฟทำเซตเมนูพิเศษให้กับห้อง Prime เป็นเมนูในแบบของเชฟเอง คิดว่าน่าจะเวิร์คมากๆ แต่ด้วยงานบริหารที่ล้นมือเชฟจึงแบ่งรับแบ่งสู้อยู่ ก็หวังว่าลูกค้าห้อง Prime จะโชคดีเหมือนพวกเรานะ.